1 from saranpatsunanta
วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562
วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2562
ใบงานที่ 4 บมความสำหรับทำโครงงานคอมพิวเตอร์
ภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี
(G6PD Deficiency)
โรคแพ้ถั่วปากอ้า หรือ โรค G6PD คืออะไร?
โรค G6PD หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโรคแพ้ถั่วปากอ้า (G6PD Deficiency หรือภาวะขาดเอนไซม์
จีซิกพีดี) เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งทำให้ร่างกายขาดเอนไซม์ที่ช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดแดงทำงานได้เป็นปกติ ซึ่งเอนไซม์ G6PD นี้ มีความสำคัญในกระบวนการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน (เมตาบอลิซึ่ม) เมื่อขาดเอนไซม์ตัวนี้ จะส่งผลให้เกิดการทำลายสารอนุมูลอิสระ (Oxidants) ต่าง ๆ ที่เป็นพิษต่อเซลล์ในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดแดง ดังนั้นคนที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการเม็ดเลือดแดงแตกได้ง่าย จนเกิดภาวะโลหิตจางตามมาได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการเจ็บป่วย แต่บางรายอาจมีอาการผิดปกติ เช่น อ่อนเพลีย ตัวเหลืองตาเหลือง หายใจไม่อิ่ม เป็นต้น โดยอาการมักเกิดขึ้นหลังมีภาวะติดเชื้อ รวมทั้งเมื่อได้รับอาหารหรือยาบางชนิด
สาเหตุของภาวะขาดเอนไซม์ G6PD
โรคนี้เกิดจากภาวะที่พร่องเอนไซม์ G6PD (glucose-6-phosphate dehydrogenase) ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในขบวนการสร้างพลังงานของน้ำตาลกลูโคส (pentose phosphate pathway) ที่จะเปลี่ยน NADP ไปเป็น NADPH ซึ่งจะไปทำปฏิกิริยากับเอนไซม์ Glutathione reductase และ Glutathione peroxidase ต่อไป ส่งผลให้เกิดการทำลายสารอนุมูลอิสระ (oxidants) ต่าง ๆ เช่น H2O2 ที่เป็นพิษต่อเซลล์ในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดแดง ดังนั้นเอนไซม์ G6PD จึงเป็นเอนไซม์ที่ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแดงจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระ (oxidants) คนที่เกิดภาวะพร่องเอนไซม์ชนิดนี้แล้วจะทำให้เกิดอาการเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis) ได้ง่าย สาเหตุของการพร่องเอนไซม์ G6PD เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรมของโครโมโซมเพศชนิดโครโมโซมเอกซ์ มีการถ่ายทอดยีน G6PD เป็นแบบ X-linked recessive จากมารดาโดยมีโอกาสที่ลูกชายจะเป็นโรคร้อยละ 50 ลูกสาวจะเป็นพาหะร้อยละ 50 ดังนั้นโรคนี้จึงพบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิง
การใช้ยาบางชนิดอาจกระตุ้นให้ผู้ป่วยเกิดการสลายตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงได้ ดังนี้
- ยากลุ่ม NSAIDs บางชนิด
- ยาแอสไพริน
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ยากลุ่มซัลฟา หรือไนโตรฟูแรนโทอิน เป็นต้น
- ยาต้านมาเลเรียบางชนิด เช่น ควินิน หรือควินิดีน เป็นต้น
อาการ
โดยปกติแล้วผู้ป่วยโรคแพ้ถั่วปากอ้าจะไม่แสดงอาการ แต่หากได้รับสารกระตุ้นหรือมีการติดเชื้อบางอย่างก็จะเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกเฉียบพลัน ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นใน 24-48 ชั่วโมง หลังจากได้รับสารกระตุ้น ทั้งนี้อาการโรคแพ้ถั่วปากอ้าอาจเป็นตั้งแต่อาการปวดท้อง อาเจียน หรือท้องเดิน ท้องเสีย มีไข้ต่ำ ๆ ปวดหลัง มีปัสสาวะเป็นสีโคล่า อันเกิดจากสารฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงรั่วออกมา และร่างกายกำจัดออกทางปัสสาวะ
นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีภาวะซีด ตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยบางรายอาจพบว่ามีปริมาณปัสสาวะน้อยจนอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลันได้ด้วย ทั้งนี้อาการโรคถั่วปากอ้ายังมีแบบชนิดเรื้อรัง กล่าวคือ ผู้ป่วยมีอาการเม็ดเลือดแดงแตกแบบเป็น ๆ หาย ๆ มีภาวะซีดเรื้อรัง รวมทั้งภาวะตับโต ม้ามโต อันเกิดจากภาวะเม็ดเลือดแดงแตกค่อนข้างถี่มาก ทว่าอาการนี้ไม่ค่อยพบในประเทศไทย ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นผู้ป่วยโรคถั่วปากอ้าที่มีอาการแบบเฉียบพลันมากกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม อาการโรคถั่วปากอ้าจะมีความรุนแรงไม่เท่ากันในแต่ละคน บางคนอาจมีอาการแสดงมากหลังได้รับสารกระตุ้น แต่บางคนก็มีอาการแสดงน้อยหลังได้รับสารกระตุ้น หรือต้องได้รับสารกระตุ้นในปริมาณมาก ๆ จึงจะแสดงอาการป่วย เป็นต้น
นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีภาวะซีด ตัวเหลือง ตาเหลือง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยบางรายอาจพบว่ามีปริมาณปัสสาวะน้อยจนอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลันได้ด้วย ทั้งนี้อาการโรคถั่วปากอ้ายังมีแบบชนิดเรื้อรัง กล่าวคือ ผู้ป่วยมีอาการเม็ดเลือดแดงแตกแบบเป็น ๆ หาย ๆ มีภาวะซีดเรื้อรัง รวมทั้งภาวะตับโต ม้ามโต อันเกิดจากภาวะเม็ดเลือดแดงแตกค่อนข้างถี่มาก ทว่าอาการนี้ไม่ค่อยพบในประเทศไทย ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นผู้ป่วยโรคถั่วปากอ้าที่มีอาการแบบเฉียบพลันมากกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม อาการโรคถั่วปากอ้าจะมีความรุนแรงไม่เท่ากันในแต่ละคน บางคนอาจมีอาการแสดงมากหลังได้รับสารกระตุ้น แต่บางคนก็มีอาการแสดงน้อยหลังได้รับสารกระตุ้น หรือต้องได้รับสารกระตุ้นในปริมาณมาก ๆ จึงจะแสดงอาการป่วย เป็นต้น
การวินิจฉัย
1. การย้อมเซลล์เม็ดเลือดแดง (Completed Blood Count - CBC)
ในคนที่เป็นโรคนี้ ถ้าย้อมพิเศษจะเห็นลักษณะที่เป็น “Heinz body” ซึ่งเกิดจากการตกตะกอนของฮีโมโกลบินที่ไม่คงตัว มักพบร่วมกับภาวะต่างๆ ที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก หรือ มีการทำลายเม็ดเลือดแดงและมีปฏิกิริยา Oxidation เกิดขึ้นกับฮีโมโกลบินภายในเม็ดเลือดแดง เมื่อเม็ดเลือดแดงที่มี Heinz body ผ่านไปที่ตับหรือม้าม เม็ด Heinz body จะถูกกำจัดออกจนเม็ดเลือดแดงมีลักษณะเป็น Bite cell หรือ Defected spherocyte ซึ่งสามารถเห็นได้ใน CBC ปกติ
2. Haptoglobin
Haptoglobin เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งในพลาสมา ซึ่งในภาวะปกติ Haptoglobin จะจับกับ
ฮีโมโกลบินอิสระ (Free hemoglobin) โดยค่า Haptoglobin จะมีค่าลดลงในคนที่มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (Hemolysis)
ฮีโมโกลบินอิสระ (Free hemoglobin) โดยค่า Haptoglobin จะมีค่าลดลงในคนที่มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (Hemolysis)
3. Beutler fluorescent spot test
เป็นการทดสอบที่บ่งบอกถึงภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD โดยตรง ซึ่งจะแสดงให้เห็นปริมาณ NADPH ที่ผลิตได้จากเอนไซม์ G6PD โดยผ่านรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ถ้าไม่มีการเรืองแสงภายใต้ UV แสดงว่าบุคคลนั้นเป็นมีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD
สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ
สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ
1. อาหาร
สารในถั่วปากอ้า บลูเบอร์รี ไวน์แดง โยเกิร์ตที่มีส่วนประกอบของถั่วปากอ้า ไวน์แดง พืชตระกูลถั่ว บลูเบอร์รี โซดาขิง โทนิค (Tonic) อาหารที่ใช้ดินประสิวในการถนอมอาหาร เช่น กุนเชียง ไส้กรอก หมูยอ ปลาเค็ม หรือแฮมที่มีสีสดผิดปกติ
2. ยา
กลุ่มยาแก้ปวด ลดไข้ (Analgesics/Antipyretics)
- Acetanilid
- Acetophenetidin (Phenacetin)
- Amidopyrine (Aminopyrine)
- Antipyrine
- Aspirin
- Phenacetin
- Probenicid
- Pyramidone
กลุ่มยารักษาโรคมาลาเรีย (Antimalarial drugs)
- Chloroquine
- Hydroxychloroquine
- Mepacrine (Quinacrine)
- Pamaquine
- Pentaquine
- Primaquine
- Quinine
- Quinocde
กลุ่มยารักษาโรคหัวใจ (Cardiovascular drugs)
- Procainamide
- Quinidine
กลุ่มยา Sulfonamides/Sulfones
- Dapsone
- Sulfacetamide
- Sulfamethoxypyrimidine
- Sulfanilamide
- Sulfapyridine
- Sulfasalazine
- Sulfisoxazole
กลุ่มยาปฏิชีวนะ (Cytotoxic/Antibacterial drugs)
- Chloramphenicol
- Co-trimoxazole
- Furazolidone
- Furmethonol
- Nalidixic acid
- Neoarsphenamine
- Nitrofurantoin
- Nitrofurazone
- Para-amino salicylic acid (PAS)
ยาอื่นๆ
- Alpha-methyldopa
- Ascorbic acid
- Dimercaprol (BAL)
- Hydralazine
- Mestranol
- Methylene blue
- Nalidixic acid
- Naphthalene
- Niridazole
- Phenylhydrazine
- Pyridium
- Quinine
- Toluidine blue
- Trinitrotoluene
- Urate oxidase
- Vitamin K (Water soluble)
สารเคมีในชีวิตประจำวันที่มีสารแนฟทาลีนเป็นส่วนประกอบ เช่น ลูกเหม็น เป็นต้น
นอกจากนี้การติดเชื้อบางอย่าง เช่น ไข้หวัด หรือหลอดลมอักเสบ ก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกได้
ลูกเหม็น
การรักษา
G6PD Deficiency เป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมจึงไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด แต่มีแนวทางการรักษาและควบคุมอาการไม่ให้แย่ลง ได้แก่
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่อาจส่งผลให้เกิดการสลายตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดง เช่น หลีกเลี่ยงอาหาร ยา หรือสารเคมีบางชนิดที่อาจทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงสลายตัว เป็นต้น
- ใช้ยารักษาหากมีภาวะติดเชื้อร่วมด้วย
- บำบัดด้วยออกซิเจนหรือการถ่ายเลือด เพื่อเพิ่มปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดงและออกซิเจนในเลือด
ในระยะเฉียบพลันของการสลายของเม็ดเลือดแดง ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องได้รับเลือด หรือต้องรับการชำระเลือด (dialysis) หากมีภาวะไตวายเฉียบพลันเกิดขึ้น การให้เลือดเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาอาการ เนื่องจากเม็ดเลือดแดงในเลือดที่ได้รับนั้นโดยทั่วไปจะไม่พร่องเอนไซม์จีซิกส์พีดี ดังนั้นจะมีอายุขัยปกติในร่างกายของผู้รับเลือด
ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการดีขึ้นจากการตัดม้าม เนื่องจากม้ามเป็นแหล่งทำลายเม็ดเลือดแดงของร่างกาย กรดโฟลิกจะช่วยได้ในกรณีที่มีการทำลายและสร้างเม็ดเลือดแดงใหม่มาก ในขณะที่วิตามินอีและซีลีเนียมนั้นแม้จะมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชันแต่ก็ไม่ช่วยลดความรุนแรงของภาวะพร่อมเอนไซม์จีซิกส์พีดีแต่อย่างใด
ภาวะแทรกซ้อน
การป้องกัน
แม้ไม่มีวิธีป้องกัน G6PD Deficiency เพราะภาวะนี้มีสาเหตุมาจากพันธุกรรม แต่ผู้ป่วยสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงซึ่งทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ - รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมทั้งทำจิตใจให้เบิกบาน ผ่อนคลาย และไม่เครียด
- ห้ามรับประทานอาหารหรือใช้ยาบางชนิดที่อาจกระตุ้นให้เกิดการสลายตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งผู้ป่วยไม่ควรซื้อยาหรืออาหารเสริมมาใช้เอง และต้องแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าตนเองป่วยด้วยภาวะนี้
- ห้ามใช้ลูกเหม็นหรือสารเคมีบางชนิดที่อาจกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดแดงสลายตัว
เพิ่มเติม
โรค G6PD กินถั่วเหลืองได้ไหม
สามารถกินถั่วชนิดอื่นที่ไม่ใช่ถั่วปากอ้าได้เช่น ถั่วเหลืองซึ่งเป็นถั่วที่สามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารได้หลายอย่าง ตั้งแต่นมถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเพื่อสุขภาพอย่างน้ำเต้าหู้ หรือจะกินเล่นเป็นสแน็กก็ได้ ซึ่งคำถามนี้อาจตอบได้ว่าผู้ป่วยโรค G6PD สามารถกินถั่วเหลืองและถั่วชนิดอื่น ๆ ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ความรุนแรงของโรค G6PD ในผู้ป่วยแต่ละรายไม่เท่ากัน รวมทั้งความรุนแรงในการแพ้สารกระตุ้นก็ไม่เท่ากันในแต่ละคนด้วย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยก็แนะนำให้กินถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองในปริมาณน้อย ๆ ก่อน เพื่อตรวจสอบอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา และหากมีความไม่ชอบมาพากลจะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที
สามารถกินถั่วชนิดอื่นที่ไม่ใช่ถั่วปากอ้าได้เช่น ถั่วเหลืองซึ่งเป็นถั่วที่สามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารได้หลายอย่าง ตั้งแต่นมถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเพื่อสุขภาพอย่างน้ำเต้าหู้ หรือจะกินเล่นเป็นสแน็กก็ได้ ซึ่งคำถามนี้อาจตอบได้ว่าผู้ป่วยโรค G6PD สามารถกินถั่วเหลืองและถั่วชนิดอื่น ๆ ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ความรุนแรงของโรค G6PD ในผู้ป่วยแต่ละรายไม่เท่ากัน รวมทั้งความรุนแรงในการแพ้สารกระตุ้นก็ไม่เท่ากันในแต่ละคนด้วย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยก็แนะนำให้กินถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองในปริมาณน้อย ๆ ก่อน เพื่อตรวจสอบอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา และหากมีความไม่ชอบมาพากลจะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที
โรค G6PD อันตรายไหม
โรคนี้ไม่ถือว่ารุนแรง ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติหากสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการได้ และอย่างที่บอกว่าความรุนแรงของโรค G6PD ในแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ฉะนั้นตัวผู้ป่วยเองควรต้องคอยสังเกตอาการตัวเองหากบังเอิญได้รับสารกระตุ้น ซึ่งหากมีอาการรุนแรงมาก ก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาตามอาการแสดงได้
โรคนี้ไม่ถือว่ารุนแรง ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติหากสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการได้ และอย่างที่บอกว่าความรุนแรงของโรค G6PD ในแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ฉะนั้นตัวผู้ป่วยเองควรต้องคอยสังเกตอาการตัวเองหากบังเอิญได้รับสารกระตุ้น ซึ่งหากมีอาการรุนแรงมาก ก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาตามอาการแสดงได้
โรค G6PD รักษาหายไหม
เนื่องจากโรค G6PD เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม ดังนั้นจึงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แพทย์เพียงจะทำการรักษาตามอาการหลังจากที่ผู้ป่วยมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ซึ่งการรักษาโรค G6PD มีแนวทางดังต่อไปนี้
- ในผู้ป่วยที่มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกแต่อาการยังไม่รุนแรงมาก แพทย์อาจให้เลือด ให้สารน้ำเพื่อป้องกันภาวะไตวาย
- ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวายจากอาการซีดมาก แพทย์ก็จะให้ออกซิเจน ให้เลือดอย่างช้า ๆ และให้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
- ในผู้ป่วยที่มีภาวะไตวาย อันเนื่องจากไม่ปัสสาวะเป็นเวลานาน แพทย์อาจรักษาด้วยการล้างไต หรือเปลี่ยนถ่ายเลือดในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเด็กเล็ก
- ในผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะซีดเหลืองจากโรค G6PD ในระดับเบา แพทย์จะรักษาด้วยการส่องไฟ เพื่อช่วยลดปริมาณสารสีเหลืองในเลือดได้ แต่หากทารกมีอาการซีดเหลืองจากโรค G6PD ในระดับรุนแรง แพทย์จะรักษาด้วยการถ่ายเลือดเพื่อกำจัดสารสีเหลืองออกไปจากร่างกาย ป้องกันไม่ให้สารนี้ไปทำลายสมองของทารก
ทำไมเด็กถึงเป็นโรค G6PD กันมาก
ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นคือ ภาวะโลหิตจางและภาวะเหลืองในทารกแรกเกิด ซึ่งมีสาเหตุจากการขาดสาร NADPH ซึ่งต้องอาศัยเอนไซม์ G6PD เป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ในเซลล์ปกติ NADPH จะทำหน้าที่ในการกำจัดสารอ๊อกซิแดนซ์ที่จะทำลายเซลต่างๆ ของร่างกาย
1.ในทารกแรกเกิดที่มีอาการตัวเหลือง หลังคลอดที่มีระดับสารเหลืองเกินปกติจะต้องได้รับการรักษาด้วยการส่องไฟ เพื่อ ให้แสงไฟทำปฏิกิริยากับสารเหลืองที่อยู่ในบริเวณผิวหนัง กลายเป็น สารชนิดที่สามารถขับออกจากร่างกายได้ โดยสารเหลืองดังกล่าวจะขับออกมาจากปัสสาวะ อุจจาระของ ทารกก็จะมีระดับสารเหลืองที่ลดลง จนอยู่ในระดับปลอดภัยสามารถกลับบ้านได้
2.การดูแลทารกที่มีภาวะพร่องหรือขาดเอนไซม์ G6PD ดูแลทั่วไปเหมือนทารกปกติ สามารถดื่มนมแม่ได้แต่ มียาต้องห้ามและอาหารต้องห้ามเฉพาะโรคที่คุณแม่ควรเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งมักเป็นยาที่ไม่ได้ใช้กับทารกอยู่แล้ว
3.คุณแม่ต้องติดตามอาการและอาการแสดงอย่างต่อเนื่อง เพราะลูกจะเหมือนคนปกติทั่วๆไป จะเเสดงอาการก็ต่อเมื่อ ได้รับยาหรืออาหารต้องห้ามก็จะเกิดภาวะซีด ตัวเหลือง ตาเหลืองฉับพลัน ปัสสาวะสีเข้มเหมือนสีโค๊ก หากซีดมาก จะมีอาการเหนื่อยจนต้องได้รับเลือด
4.คุณแม่ที่มีลูกน้อยพร่องG6PD จะต้องตระหนักและเห็นความสำคัญัในการรับประทานอาหารและหลีกเลี่ยงยาที่มีผลต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นแล้ว หากมีโอกาสตองเข้ารับการรักษาหรือต้องได้รับยา จะต้องแจ้งแพทย์ เภสัชกร พยาบาล ให้ทราบทุกครั้ง ว่ามีภาวะผิดปกติของภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD
5.คุณแม่พกบัติผู้ป่วยพร่องG6PD ทางโรงพยาบาลจะออกให้เมื่อตรวจพบ
วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2562
ใบงานที่ 3 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คืออะไร
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คือ พระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์คอมพิวเตอร์ที่ว่านี้ก็เป็นได้ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค สมาร์ตโฟน รวมถึงระบบต่างๆ
ที่ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งเป็นพ.ร.บ.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกัน ควบคุมการกระทำผิดที่จะเกิดขึ้นได้จากการใช้คอมพิวเตอร์ หากใครกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นี้ ก็จะต้องได้รับการลงโทษตามที่พ.ร.บ.กำหนดไว้
โดยเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้ กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวคอมพิวเตอร์ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ซึ่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษปรับหรือจำคุก ฐานส่งข้อมูลก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้รับ หรือนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ บิดเบือน ลามก ตัดต่อภาพผู้อื่นให้เสียชื่อเสียง อับอาย รวมถึงมาตรการบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำ
ความผิด โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2560
สรุป 13 ข้อ สาระสำคัญของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 60
เพื่อให้การใช้ออนไลน์เป็นไปอย่างถูกกฎหมาย เราจะสรุปสาระ พระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทำ
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 แบบง่ายๆ ดังนี้
1. การฝากร้านใน Facebook IG ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
2. ส่ง SMS มาโฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ต้องมีทางเลือกให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
3. ส่ง e-Mail ขายของ ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
4. กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ. ยกเว้นการกด Like เรื่องเกี่ยวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 หรือมีความผิดร่วม
5. กด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่ Share นั้นมีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3
6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของคอมพิวเตอร์กระทำเอง สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ต่างๆ รวมไปถึง Facebook ที่ให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็นผิดกฎหมาย เมื่อแจ้งไปที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อลบได้ทันที เจ้าของระบบเว็บไซต์จะไม่มีความผิด
7. ฉะนั้น Admin ที่เปิดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความที่ผิด พ.ร.บ. เมื่อลบออกจากพื้นที่ที่ตนดูแล จะถือเป็นผู้พ้นผิด แต่หากไม่ยอมลบออก จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
8. การ Post สิ่งลามกอนาจาร ที่ทำให้เกิดการเผยแพร่สู่ประชาชนได้ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
9. การ Post เกี่ยวกับเด็ก เยาวชน ต้องปิดบังใบหน้า ยกเว้นเป็นการเชิดชู ชื่นชมอย่างให้เกียรติ
10. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียเชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ญาติสามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
11. การ Post ด่าว่าผู้อื่น มีกฎหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัดต่อ ผู้ถูกกล่าวหา เอาผิดผู้ Post ได้ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
12. ไม่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใด ไม่ว่าข้อความ เพลง รูปภาพ หรือวิดีโอ
13. ส่งรูปภาพแชร์ของผู้อื่น เช่น สวัสดี อวยพร ไม่ผิด ถ้าไม่เอาภาพไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หารายได้
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000053433
8 เรื่องที่ห้ามทำ ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
1. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ชอบ (มาตรา 5-8)
หากเข้าไปเจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของคนอื่น โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้อนุญาต (ละเมิด Privacy) หรือในเคสที่เรารู้จักกันดีก็คือ การปล่อยไวรัส มัลแวร์เข้าคอมพิวเตอร์คนอื่น เพื่อเจาะข้อมูลบางอย่าง หรือพวกแฮคเกอร์ ที่เข้าไปขโมยข้อมูลของคนอื่นก็มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
บทลงโทษ
- เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย: จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. แก้ไข ดัดแปลง หรือทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย (มาตรา 9-10)
ในข้อนี้จะรวมหมายถึงการทำให้ข้อมูลเสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อมูลของผู้อื่นโดยมิชอบ หรือจะเป็นในกรณีที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อย่างเช่น กรณีของกลุ่มคนที่ไม่ชอบใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แล้วต่อต้านด้วยการเข้าไปขัดขวาง ทำร้ายระบบเว็บไซต์ของฝ่ายตรงข้าม ให้บุคคลอื่นๆ ใช้งานไม่ได้ ก็มีความผิดค่ะ
บทลงโทษ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บทลงโทษ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. ส่งข้อมูลหรืออีเมลก่อกวนผู้อื่น หรือส่งอีเมลสแปม (มาตรา 11)
พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หรือนักการตลาดที่ส่งอีเมลขายของที่ลูกค้าไม่ยินดีที่จะรับ หรือที่รู้จักกันว่า อีเมลสแปม หรือแม้แต่การฝากร้านตาม Facebook กับ IG ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและยังรวมถึงคนที่ขโมย Database ลูกค้าจากคนอื่น แล้วส่งอีเมลขายของตัวเอง
บทลงโทษ
ถ้าส่งโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และถ้าส่งโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธตอบรับได้โดยงาน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลทางด้านความมั่นคงโดยมิชอบ (มาตรา 12)
โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือความมั่นคงต่อประเทศ หรือโพสต์ที่เป็นการก่อกวน หรือการก่อการร้ายขึ้น ก็มีความผิดค่ะ เพราะมาตรา 12 ได้บอกไว้ว่าการเข้าถึงระบบหรือข้อมูลทางด้านความมั่งคงโดยมิชอบ หรือการโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ที่เข่าข่ายข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือทำให้ประชาชนเกิดอาการตื่นตระหนก และล่วงรู้ถึงมาตรการการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย
บทลงโทษ
- กรณีไม่เกิดความเสียหาย: จำคุก 1-7 ปี และปรับ 2 หมื่น – 1.4 แสนบาท
- กรณีเกิดความเสียหาย: จำคุก 1-10 ปี และปรับ 2 หมื่น – 2 แสนบาท
- กรณีเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย: จำคุก 5-20 ปี และปรับ 1 แสน – 4 แสนบาท
5. จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด (มาตรา 13)
- กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 5-11 (หรือข้อ 1-3 ในบทความนี้) ต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
- กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ มาตรา 12 ต้องจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย
6. นำข้อมูลที่ผิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 14)
ในความผิดมาตรา 14 จะระบุโทษการนำข้อมูลที่เปิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ข้อความผิดด้วยกันคือ
- โพสต์ข้อมูลปลอม ทุจริต หลอกลวง (อย่างเช่น ข่าวปลอม โฆษณาธุรกิจลูกโซ่ที่หลอกลวงเอาเงินลูกค้า และไม่มีการส่งมอบของให้จริงๆ เป็นต้น)
- โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงปลอดภัย
- โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ก่อการร้าย
- โพสต์ข้อมูลลามก ที่ประชาชนเข้าถึงได้
- เผยแพร่ ส่งต่อข้อมูล ที่รู้แล้วว่าผิด อย่างเช่น กด Share ข้อมูลที่มีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็มีความผิด
บทลงโทษ
หากเป็นการกระทำที่ส่งผลถึงประชาชน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นกรณีที่เป็นการกระทำที่ส่งผลต่อบุคลใดบุคคลหนึ่ง ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (แต่ในกรณีอย่างหลังนี้สามารถยอมความกันได้)
7. ให้ความร่วมมือ ยินยอม รู้เห็นเป็นใจกับผู้ร่วมกระทำความผิด (มาตรา 15)
กรณีนี้ถ้าเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็เช่น เพจต่างๆ ที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น แล้วมีความคิดเห็นที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายก็มีความผิดค่ะ แต่ถ้าหากแอดมินเพจตรวจสอบแล้วพบเจอ และลบออก จะถือว่าเป็นผู้ที่พ้นความผิด
บทลงโทษ
แต่ถ้าไม่ยอมลบออกต้องได้รับโทษ ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตร 14 ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกันผู้โพสต์ หรือแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์ แต่ถ้าผู้ดูแลระบบพิสูจน์ได้ว่า ตนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการแจ้งเตือนแล้วไม่ต้องรับโทษ
8. ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงภาพ (มาตรา 16)
ความผิดข้อนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลักคือ
• การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อย่างเช่นกรณีที่เอาภาพดาราไปตัดต่อ และตกแต่งเรื่องขึ้นมา จนทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย ก็ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ค่ะ
• การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นการโพสต์ที่ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย
https://www.moj.go.th/view/8859
https://www.moj.go.th/view/8859
กรณีตัวอย่างการกระทำผิด พรบ.คอมพิวเตอร์
ครูบลู" พบตำรวจพรุ่งนี้ จ่อคุก 5 ปี ปรับ 1 แสน เปิดกลุ่มโชว์หวิว
กรณี น.ส.จิรารัตน์ ชานันโท หรือ ครูบลู เน็ตไอดอล และพริตตี้คนดัง ที่ตกเป็นข่าว ถูกโยงว่าเป็นมือที่ 3 ระหว่าง ต้นหอม ศกุนตลา กับ ซัน ประชากร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของตนเอง เชิญชวนให้เข้ากลุ่ม VIP ซึ่งเป็นกลุ่มไลฟ์สดแบบใกล้ชิด กับ ครูบลู ซึ่งในกลุ่มดังกล่าว มีการเผยสัดส่วนของร่างกาย โชว์หวิว ซึ่งคนที่จะเข้ากลุ่มได้ ต้องจ่ายเงินค่าเข้าคนละ 300-500 บาท
ต่อมาตำรวจ บก.ปอท. ได้ออกหมายเรียกเรียกเน็ตไอดอลและพริตตี้คนดัง มาสอบปากคำและแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะมีการโชว์โป๊เปลือยผ่านโซเชียล ให้มารับทราบข้อหาวันที่ 10 ก.ค. ก่อนทนายครูบลูขอเลื่อนนัดเป็น 23 ก.ค.นี้แทน
ช่วงบ่าย วันที่ 22 ก.ค. ที่ บก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะโฆษก บก.ปอท. เปิดเผยว่า รับรายงานจาก ร.ต.อ.ศตวรรษ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. ว่า น.ส.จิรารัตน์ ได้ประสานจากเจ้าตัวแจ้งว่า วันที่ 23 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. จะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ตามที่มีหมายเรียกไปเมื่อต้นเดือน และมีการขอเลื่อนจากวันที่ 10 ก.ค. มาครั้งหนึ่งแล้ว
"ซึ่งการที่ น.ส.จิรารัตน์ ประกาศให้ผู้ใช้แชต สมัครเข้ากลุ่ม เพื่อชมการโชว์ภาพหวิว สื่อลามก โดยเก็บค่าสมาชิกภายหลัง เบื้องต้นพิจารณาแล้วเป็นความผิดตาม มาตรา 14(4) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ข้อหา นำข้อมูลลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ลักษณะอาจจะทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่แพร่หลายหรือให้ประชาชนทั่วไปมีโอกาสเข้าถึง ความผิดดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560(ฉบับเต็ม)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)